16 มิถุนายน 2556

อาจารย์มิตซูโอะ มิฮาบาชิ ( คเวสโก) เพชรน้ำหนึ่งแห่งพระพุทธศาสนา


พระอาจารย์มิตซูโอะ คเวสโก้
เมื่อต้นเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา มีข่าวหนึ่งเป็นที่ฮือฮาและสร้างความตกตะลึง โดยเฉพาะในวงการพระพุทธศาสนา นั่นคือ ข่าวการลาสิกขาบทของพระอาจารย์มิตซูโอะ คเวสโก เจ้าอาวาสวัดป่าสุนันทวนาราม จ.กาญจนบุรี ซึ่งเป็นพระนักปฏิบัติและเผยแพร่ศาสนา ผู้สร้างคุณประโยชน์แก่พระพุทธศาสนามาเป็นเวลาเกือบ 40 ปี ดังนั้น ข่าวการสละเพศบรรชิตของท่านจึงเปรียบเสมือนฟ้าผ่าลงมาโดยไม่มีใครคาดคิด



มิตซูโอะ มิฮาบาชิ
พระอาจารย์มิตซูโอะ คเวสโก เดิมชื่อ มิตซูโอะ มิฮาบาชิ เป็นชาวดินแดนซากุระ ถือกำเนิดที่จังหวัดอิวาเตะ ประเทศญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ.2494 สำเร็จการศึกษาไฮสคูล  (เทียบเท่าระดับ ปวช. หรือ มศ.5 ตามระบบการศึกษาไทย) สาขาเคมี ณ เมืองโมะริโอกะ จังหวัดอิวาเตะ

หลังจากเรียนจบ ทำงานเก็บเงินได้ก่อนหนึ่ง มิตซูโอะ มิฮาบาชิ ในวัย 20 ปี ได้เดินทางออกจากญี่ปุ่น ใน พ.ศ. 2514 เพื่อแสวงหาสัจธรรมของชีวิต โดยท่องเที่ยวไปในประเทศต่างๆในเอเชียใต้ ตะวันออกกลาง และยุโรป เป็นเวลา 2 ปีเศษ

จนกระทั่งท่านเข้ามาที่ประเทศไทยในราวปี พ.ศ.2517 และได้เปลี่ยนแผนการเดินทางจากเดิมที่จะมุ่งหน้าต่อไปยังทวีปแอฟริกา ก็เบนเข็มกลับไปยังพุทธคยา ประเทศอินเดีย ซึ่งเคยไปมาก่อนหน้านั้นแล้ว

เมื่อได้กลับไปเห็นพระพุทธรูปที่ประดิษฐาน ณ พุทธคยา อาจารย์มิตซูโอะได้ค้นพบความจริงว่า “นี่คือสิ่งที่แสวงหาสัจจะความจริงอยู่ภายในกายกับใจของเรานี้เอง ความสุขที่แท้จริงอยู่ที่ใจทุกคน ทุกชีวิตสามารถพ้นทุกข์ได้ ” ท่านจึงหยุดการแสวงหาสัจธรรมภายนอก มุ่งค้นหาความสุขจากภายใน เริ่มจากการเป็นโยคี ณ สำนักโยคีแห่งหนึ่งในอินเดีย ซึ่งท่านตั้งใจจะบำเพ็ญเพียรเช่นนั้นตลอดชีวิต แต่เกิดปัญหาเรื่องวีซ่าหมดอายุ แระกอบกับได้รับคำแนะนำให้เข้ามาศึกษาพระพุทธศาสนาในประเทศไทย ท่านจึงกลับมาเมืองไทย และบรรพชาเป็นสามเณร ที่วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม กรุงเทพมหานคร
พระอาจารย์มิตซูโอะ คเวสโก้
หลังจากบรรพชาได้สามเดือน  สามเณรมิตซูโอะ วัย 24 ปีได้รับคำแนะนำให้ไปกราบและศึกษาธรรมกับหลวงพ่อชา สุภัทโท วัดหนองป่าพง จ.อุบลราชธานี จนสามเณรมิตซูเอะรู้สึกซาบซึ้งในพระธรรม จึงขออุปสมบท โดยหลวงพ่อชาเป็นอุปัชฌาย์ให้ เมื่อวันที่ 14 มิถุนายน พ.ศ.2518 ได้รับฉายา “คเวสโก” แปลว่า “ผู้แสวงหาซึ่งฝั่ง” นับว่าเป็นสิทธิวิหาริกรุ่นแรก คือ ลูกศิษย์รุ่นแรกที่หลวงพ่อชาอุปสมบทให้


พระอาจารย์มิตซูโอะ คเวสโก้
พระอาจารย์มิตซูโอะ คเวสโก ตั้งใจศึกษาและปฏิบัติธรรมตามแนวทางวัตรปฏิบัติของหลวงพ่อชามาอย่างต่อเนื่อง ท่านเคยเล่าไว้ในหนังสือ “เราเกิดมาทำไม” ถึงแนวทางการปฏิบัติต่างๆของท่านที่บ่งบอกว่า ท่านเป็นนักปฏิบัติที่น่าเลื่อมใสรูปหนึ่งเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นการถือเนสัชชิก คือ ปฏิบัติในอิริยาบถ 3 อันได้แก่ เดิน ยืน นั่ง โดยไม่นอน ตลอดพรรษา การอดข้าวหนึ่งเดือน ฉันแต่น้ำเปล่า การเข้าห้องกรรมฐาน เก็บอารมณ์ ณ วัดสังฆทาน (หลวงพ่อสนอง) จังหวัดนนทบุรี ปิดวาจา เจริญกรรมฐาน เป็นเวลา ๒ ปี ( พ.ศ.2523 - 2524) หรือการออกธุดงค์ไปในที่ต่างๆ

พระอาจารย์มิตซูโอะ คเวสโก้
ใน พ.ศ. ๒๕๒๕ พระอาจารย์มิตซูโอะ ได้ขออนุญาตหลวงพ่อชาออกธุดงค์และปฏิบัติธรรมที่ประเทศอินเดีย เป็นเวลา ๑ ปี ก่อนจะกลับมาเมืองไทยเพื่ออุปัฎฐากหลวงพ่อชาที่อาพาธร่วมกับคณะศิษยานุศิษย์หลวงพ่อชา และได้ปฏิบัติธรรม ณ วัดหนองป่าพง และวัดป่านานาชาติจังหวัดอุบลราชธานี เป็นเวลา ๓ ปี  
               
การธุดงค์ครั้งสำคัญครั้งหนึ่งของพระอาจารย์มิตซูโอะเกิดขึ้นในปี พ.ศ.2532
พระอาจารย์มิตซูโอะ คเวสโก้
โดยท่านและลูกศิษย์คือ พระญาณรโต ร่วมกันเดินธุดงค์จากสนามบินนาริตะไปยังเมืองฮิโรชิมา ประเทศญี่ปุ่น เพื่อเผยแพร่พระพุทธศาสนา และรำลึกถึงอนุสรณ์สถานแห่งสันติภาพ ระยะเวลาเดิน ๗๒ วัน ระยะทางประมาณ ๑,๐๐๐ กิโลเมตร ซึ่งตลอดทางได้โปรดญาติโยมทั้งไทยและญี่ปุ่นไปด้วยโทรทัศน์ของประเทศญี่ปุ่นติดตามถ่ายภาพทำสารคดีออกอากาศตลอดเส้นทาง ถือว่าประสบความสำเร็จในระดับหนึ่งในการเผยแผ่พุทธศาสนาสายเถรวาท โดยแสดงให้เห็นถึงการใช้ชีวิตที่เรียบง่ายแบบพระธุดงค์ โดยยึดปฏิบัติธุดงควัตรเป็นหลัก

และจากการธุดงค์ครั้งนั้น ทำให้พระอาจารย์มิตซูโอะได้เกิดแนวคิดดีๆจากสิ่งที่พบเห็นในระหว่างการธุดงค์ อย่างหนึ่งนั่นก็คือ การที่เห็นคนญี่ปุ่นให้ความสำคัญกับเด็กและเยาวชน ในฐานะทรัพยากรบุคคลอันทรงคุณค่า ที่จะเติบโตมาเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศ จึงเป็นแนวคิดสำคัญที่ทำให้ท่านก่อตั้งมูลนิธิมายา โคตมี ขึ้นใน พ.ศ. 2532
download
โดยมีวัตถุประสงค์สำคัญ เพื่อให้ทุนการศึกษาแบบต่อเนื่อง ตั้งแต่ระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นจนถึงอุดมศึกษา ควบคู่ไปกับการจัดอบรมจริยธรรมให้แก่นักเรียนที่ด้อยโอกาสในท้องถิ่นชนบทของประเทศไทย โดยเฉพาะในจังหวัดอุบลราชธานี อันเป็นสถานที่ที่ท่านได้อุปสมบทและปฏิบัติธรรม

ในปีถัดมา (พ.ศ. 2533 ) นางสุนันท์ บุษสาย คหบดีชาวจังหวัดกาญจนบุรี ผู้ประกอบกิจการเหมืองแร่ในพื้นที่ป่าเต่าดำ ตำบลวังกระแจะ อำเภอไทรโยค ป่าลึกในเขตอุทยานไทรโยค จังหวัดกาญจนบุรี มีความศรัทธาอย่างแรงกล้าในพระธุดงค์กรรมฐานศิษย์หลวงพ่อชา จึงได้ถวายที่ดิน 500 ไร่ ซึ่งเป็นป่าเสื่อมโทรมจากการทำไร่อ้อยของราษฎรในเขตบ้านท่าเตียน ตำบลไทรโยค อำเภอไทรโยค จังหวัดกาญจนบุรี เพื่อจัดตั้งวัด ทั้งนี้เพื่อพระสงฆ์จะได้มีเสนาสนะวัด และชาวบ้านจะได้มีโอกาสเข้าวัดปฏิบัติธรรมตามแนวทางสายวัดป่า พระอาจารย์มิตซูโอะ ได้รับมอบหมายให้ไปเป็นผู้บุกเบิกก่อตั้งสำนักสงฆ์ชื่อ “วัดป่าสุนันทวนาราม” ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2533 เป็นต้นมา
พระอาจารย์มิตซูโอะ คเวสโก้
สำนักสงฆ์วัดป่าสุนันทวนาราม ได้รับการฟื้นฟูทั้งพื้นที่ตั้งและพื้นที่ป่าโดยรอบ เพื่อให้เหมาะแก่การปฏิบัติธรรม ภายใต้การนำของพระอจารย์มิตซูโอะ คเวสโก โดยเริ่มสร้างสถานที่อบรมและปฏิบัติธรรมตั้งแต่ พ.ศ.2539 และพระอาจารย์มิตซูโอะได้เริ่มอบรมการปฏิบัติธรรมแบบอานาปานสติแก่ญาติโยมเป็นครั้งแรกในปลายปี 2539 ก่อนจะมีการเปิดอบรมตามคำขอของสถานบันต่างๆที่ส่งบุคคลากรเข้ามารับการอบรมอย่างต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน

สำนักสงฆ์วัดป่าสุนันทวนาราม ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้า โปรดกระหม่อม พระราชทานวิสุงคามสีมาเมื่อวันที่ ๒๗ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๔๕ โดยประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ ๓ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๔๕ โดย สมเด็จพระพี่นางเธอเจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนากรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ทรงพระกรุณาเสด็จฯ เป็นองค์ประธานประกอบพิธีตัดลูกนิมิต ผูกพัทธสีมาอุโบสถ วัดสุนันทวนาราม ในวันที่ ๒๒ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๕ ส่งผลให้วัดป่าสุนันทวนราม ได้สถาปนาเป็นวัดโดยสมบูรณ์และดำรงสถานภาพเป็นวัดสาขาลำดับที่ ๑๑๗ ของวัดหนองป่าพง จังหวัดอุบลราชธานี และได้มีการแต่งตั้งพระมิตซูโอะ คเวสโก เป็นเจ้าอาวาสวัดสุนันทวนาราม ตั้งแต่วันที่ ๑๓ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๔๕

พระอาจารย์มิตซูโอะ คเวสโก้
ตลอดระยะเวลาสิบกว่าปีที่พระอาจารย์มิตซูโอะดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาส ท่านได้พัฒนาทั้งสถานที่ตั้งวัด สภาพผืนป่าโดยรอบ รวมทั้งพัฒนาจิตใจของญาติทั้งในและนอกพื้นที่มาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็นการอบรม ปฏิบัติธรรม การเผยแพร่หลักธรรมคำสอนและแนวทางการปฏิบัติตามวิถีพุทธผ่านทางผลงานเขียนหนังสือมากมายหลายเล่ม จึงนับได้ว่า ท่านเป็นเพชรน้ำหนึ่งอันล้ำค่าอีกเม็ดหนึ่งของวงการพระพุทธศาสนา

แต่แล้วจู่ๆเมื่อวันที่ 8 มิถุนายน 2556 ที่ผ่านมา มีข่าวว่า พระอาจารย์มิตซูโอะ ได้ลาสิกขาบทที่วัดชนะสงคราม กรุงเทพมหานคร และเดินทางกลับบ้านเกิดของท่านที่ประเทศญี่ปุ่น นับว่าเป็นข่าวที่สร้างความตกตะลึงและประหลาดใจแก่ผู้ที่ได้รับทราบเป็นอย่างมาก จนอีกสองวันต่อมา ( 10 มิ.ย.56 ) ได้มีแถลงการณ์จากพระอาจารย์หนูพรม สุขาโต รักษาการณ์เจ้าอาวาสวัดป่าสุนันทวนาราม ยืนยันว่า พระอาจารย์มิตซูโอะ ได้ลาสิกขาบทและเดินทางกลับประเทศญี่ปุ่นแล้วเป็นความจริง
มิตซูโอะ1
สำหรับเหตุผลของการลาสิกขาบทนั้น ผู้ใกล้ชิดให้เหตุผลว่า อาจารย์มิตซูโอะมีปัญหาด้านสุขภาพ โดยเฉพาะโรคเบาหวาน ซึ่งท่านเคยปรารภว่าอาจจะเป็นอุปสรรคในการดำเนินการเผยแพร่พระพุทธศาสนาในสถานภาพของสมณะ ท่านจึงลาสิกขาบทเพื่อรักษาตัว แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นท่านก็ยังคงยืนยันปณิธานในการบำเพ็ญประโยชน์เพื่อพระพุทธศาสนาและพุทธศาสนิกชนต่อไป โดยเหตุผลที่ท่านเดินทางกลับญี่ปุ่น ก็เพื่อต้องการกลับไปช่วยเหลือพี่น้องร่วมชาติของท่านด้วย

ในฐานะชาวพุทธคนหนึ่ง ผมเลื่อมใสศรัทธาในปฏิปทาและปณิธานของอาจารย์มิตซูโอะ และเชื่อว่า ไม่ว่าท่านจะอยู่ในสมณเพศหรือคฤหัสถ์ อาจารย์มิตซูโอะ ก็จะยังคงเป็นปูชนียบุคคลที่ทรงคุณค่าอยู่เสมอ ประดุจเพชรน้ำหนึ่งที่ไม่ว่าจะอยู่ที่ใด คุณค่าของความเป็นเพชรก็ยังจะคงอยู่ตลอดไป

ไม่มีความคิดเห็น: