ตอนแรกผมก็คิดว่า จะจบเรื่องราวของท่านไว้แต่เพียงเท่านั้น ส่วนในภายภาคหน้าหากมีเรื่องราวดีๆที่น่าชื่นชมเกี่ยวกับท่านก็จะนำมาถ่ายทอดใหม่ในโอกาสต่อไป ให้สมกับแนวคิดของบล็อก “ไอดอลแมน”นี้ ที่มุ่งนำเสนอเรื่องราวดีๆอันน่าชื่นชมของบุคคลต้นแบบในสังคม
แต่แล้วไม่ทันข้ามเดือน ก็มีเรื่องราวของอาจารย์มิตซูโอะที่เป็นประเด็นวิพากษ์วิจารณ์ในสังคม นั่นคือการมีภาพข่าวออกมาว่า ภายหลังลาสิกขาบท ท่านไม่ได้เดินทางกลับญี่ปุ่นอย่างที่เป็นข่าวก่อนหน้า ทว่ากลับมีภาพถ่ายของท่านกับหญิงสาวที่คาดว่าเป็นคู่รักของท่านถูกเผยแพร่ทางโลกออนไลน์ จนกลายเป็นข้อคลางแคลงใจเกี่ยวกับสาเหตุที่แท้จริงในการลาสิกขาบทของท่าน
เรื่องเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 27 มิถุนายนที่ผ่านมา เมื่อในโลกออนไลน์และโซเชียลมีเดียปรากฏภาพของอาจารย์มิตซูโอะ ถ่ายคู่กับหญิงสาวหน้าตาดีคนหนึ่ง ตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ในลักษณะสนิทสนมราวกับเป็นคู่รัก โดยต้นตอของภาพมาจากการโพสในเฟสบุ๊คของหญิงสาวที่ปรากฎในภาพ ซึ่งใช้ชื่อว่า Suttirat Muttamara ( สุทธิรัตน์ มุตตามระ) จนกลายเป็นที่ฮือฮาและเป็นประเด็นวิพากษ์วิจารณ์ขึ้นมาอีกครั้งทั้งในโลกออนไลน์และสื่อมวลชนแขนงต่างๆ
( ขอบคุณภาพจาก facebook คุณ Suttirat Muttamara )
ในวันแรกที่ภาพเหล่านั้นถูกเผยแพร่และส่งต่อ ยังคงมีข้อกังขาอยู่ว่า ชายที่เห็นในภาพคือ อดีตพระอาจารย์มิตซูโอะจริงหรือเพียงคนหน้าคล้าย แต่หญิงสาวผู้โพสภาพก็ได้โพสข้อความในเฟสบุ๊คของเธอด้วยว่า "ขอบคุณสำหรับผู้ที่ไม่หวังดีต่อดิฉัน ที่กล่าวหาว่าดิฉันวางยา Blackmail อาจารย์มิตซูโอะ โดยมีเจตนาทำให้ดิฉันเสื่อมเสียชื่อเสียง จึงทำให้อาจารย์มิตซูโอะผู้ที่มีเมตตา และความรักต่อดิฉัน จะต้องออกมาปกป้องศักดิ์ศรีของดิฉัน ด้วยการเปิดเผยความจริงต่อสังคมเร็วๆนี้ ขอบคุณอีกครั้ง"
ในส่วนความสัมพันธ์ระหว่างอาจารย์มิตซูโอะกับคุณสุทธิรัตน์นั้น ในวันต่อมา คุณวิทเยนทร์ มุตตามระ กรรมการผู้จัดการ บลูสกายแชนเนล และเป็นน้องชายของคุณสุทธิรัตน์ ได้โพส ข้อความลงในเฟสบุ๊คส่วนตัว ยอมรับว่าพี่สาวของตนเป็นคู่รัก ของอาจารย์มิตซูโอะจริง และแสดงความเห็นว่า ทั้งสองเป็นผู้ใหญ่แล้ว และอาจารย์มิตซูโอะก็เคยบวชมาหลายสิบพรรษาโดยไม่เรื่องมัวหมองอันใด เมื่อท่านลาสิกขาบทแล้ว ก็เป็นสิทธิอันชอบธรรมหากทั้งคู่จะตกลงปลงใจใช้ชีวิตร่วมกัน
ทางด้านของอาจารย์มิตซูโอะเองก็ออกมายอมรับในเวลาต่อมา ว่าได้พาคุณสุทธิรัตน์หรือคุณแอนไปจดทะเบียนสมรสแล้ว โดยท่านบอกว่า ตลอดเวลาหลายพรรษาที่บวชมาไม่เคยประพฤติผิดให้มัวหมอง และไม่เคยคิดจะสึก แต่เมื่อพบคุณแอนก็เชื่อว่าเป็นเนื้อคู่แต่ชาติปางก่อน จึงลาสิกขาบทเพื่อใช้ชีวิตร่วมกัน
( จดหมายจากอาจารย์มิตซูโอะ)
( คำแถลง จาก อาจารย์มิตซูโอะ)
ผู้ที่ทราบเรื่องส่วนใหญ่ก็เข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้น แม้หลายคนจะบอกว่ารู้สึกหดหู่และเสียดาย แต่ก็ยอมรับได้ ( มีบางส่วนที่เกิดอาการช็อกและรับไม่ได้ เพราะเชื่อมั่นในตัวอดีตพระจารย์ท่านนี้มาก) และมองว่าเป็นเรื่องถูกต้องแล้วที่อาจารย์มิตซูโอะลาสิกขาบทเพื่อมาใช้ชีวิตร่วมกับหญิงสาวอันเป็นที่รัก ดีกว่าอยู่ในสมณเพศให้เป็นที่มัวหมองแก่ศาสนา ซึ่งกรณีความสัมพันธ์ระหว่างอาจารย์มิตซูโอะกับคุณแอนนั้น ผู้คนส่วนใหญ่ก็เชื่อว่าไม่มีเรื่องเสื่อมเสีย เพราะก่อนหน้าที่อาจารย์มิตซูโอะจะลาสิกขาบท ก็ไม่มีภาพความสนิทสนมของทั้งคู่ให้เป็นที่ระแคะระคาย นอกเสียจากเป็นลูกศิษย์กับพระอาจารย์เท่านั้น
แต่ด้วยความที่ข้อมูลดังกล่าวยังไม่ได้รับการยืนยันว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่เพียงใด ผมจึงไม่ขอนำเสนอรายละเอียดไว้ในที่นี้ ในตอนนี้คงเพียงขอสรุปอย่างให้ความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่ายว่า อดีตพระอาจารย์มิตซูโอะเป็นพระที่เคยทำคุณประโยชน์แก่พระพุทธศาสนาและสังคม จนได้รับความเคารพศรัทธาและเชื่อมั่นจากญาติโยมและประชาชนเป็นอย่างมาก จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่หลายคนจะทำใจยอมรับเรื่องที่เกิดขึ้นได้ยาก
ในขณะเดียวกัน ตราบใดที่ยังไม่มีสิ่งที่ฟ้องว่า ความสัมพันธ์ระหว่างอาจารย์มิตซูโอะกับหญิงสาวอันเป็นที่รัก เกิดขึ้นและดำเนินไปอย่างไม่ถูกทำนองคลองธรรม ก็ย่อมเป็นสิทธิอันชอบธรรมของทั้งคู่ที่จะเลือกเส้นทางชีวิตตามที่ตนต้องการ แม้ว่าจะเป็นเส้นทางที่หักเหไปจากเดิมจนแทบไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นไปได้ก็ตาม