จากบทความก่อนหน้านี้ คือ “ ตันปัน” การแบ่งปันจากผู้ชายชื่อ “ตัน” ที่หัวใจไม่เคย “ตัน” ที่ผมบอกว่าจะกลับมาเล่าถึงชีวิตและการทำงานของคุณตัน ภาสกรนที เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาก็เริ่มกันเลยละกันนะครับ
ตัน ภาสกรนที เป็นทายาทของครอบครัวคนไทยเชื้อสายจีนที่มีฐานะปานกลาง โดยคุณพ่อของเขาอพยพมาจากสาธารณรัฐประชาชนจีน มาตั้งรกรากอยู่ที่ชลบุรี และให้กำเนิดคุณตัน เมื่อวันที่ 4 เมษายน พ.ศ.2502
แต่ด้วยความที่คุณตันไม่ได้เกิดมาเพื่อเป็นลูกจ้างใครตลอดไป คุณตันจึงเริ่มทำธุรกิจเล็กๆของตัวเองในวัย 17 ปี คือเป็นเจ้าของแผงหนังสือเล็กๆในชลบุรี ว่ากันว่า ลูกค้าที่มาซื้อหนังสือที่แผง ล้วนมีความประทับใจอย่างหนึ่ง คือ คุณตันจะจำหนังสือที่ลูกค้าแต่ละคนมาซื้อเป็นจำได้อย่างแม่นยำ บางทีลูกค้ามาถึง ไม่ต้องพูดอะไร คุณตันหยิบหนังสือใส่ถึงให้ตรงตามความต้องการ
ซึ่งคุณตันเผยเคล็ดลับง่ายๆว่า ก็แค่แอบจดรายการหนังสือที่ลูกค้าแต่ละคนชอบซื้อ ซึ่งก็ไม่ใช่วิชามารอะไร แท้จริงแล้วเป็นการเอาใจใส่ความต้องการของลูกค้าด้วยซ้ำ ซึ่งนี่ก็เป็นอีกหนึ่งอุปนิสัยที่ส่งผลต่อความสำเร็จในการประกอบธุรกิจของคุณตันในเวลาต่อมา
จากธุรกิจแผงหนังสือ คุณตันขยับขยายมาซื้อห้องแถวเพื่อทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ก่อนจะไปเริ่มต้นทำภัตตาคารอาหารบุพเฟต์แบบญี่ปุ่น ชื่อ “โออิชิ” เมื่อวันที่ 9 กันยายน 2542 และธุรการนี้เอง เป็นจุดกำเนิดของเครื่องดื่มชาเขียว “โออิชิ ” ที่เป็นกลายเป็นเครื่องดื่มยอดฮิตอย่างรวดเร็วในเวลานั้น
นอกจากนั้นคุณตันยังมีธุรกิจอื่นๆอยู่ด้วย คือ ทำธุรกิจสตูดิโอถ่ายภาพ ร่วมกับคุณสุณิสาหรือ “อิง” ภรรยาคู่ชีวิต แต่ตอนนั้นขาดทุนจนเลิกกิจการไป
ความเป็นนักสู้ของคุณตัน ปรากฎในรูปแบบชีวิตการทำงานของเขามาโดยตลอด ไม่ว่าจะต้องเจออุปสรรคขวากหนาม ต้องล้มลุกคลุกคลานสักกี่ครั้ง แต่ผู้ชายคนนี้ก็ยังคงไม่หวั่นไหว ยังมุ่งมั่นเดินหน้าสู้ต่อไปด้วยแรงใจที่แข้งแกร่ง และกำลังใจจากคนในครอบครัว
ในวันที่ธุรกิจเครื่องดื่มชาเขียว “โออิชิ” ประสบความสำเร็จอย่างสูงนั้น ชื่อและภาพของ “ตัน ภาสกรนที” กลายเป็นเหมือนไอดอลของใครหลายๆคน ในฐานะที่ก้าวมาจาก “นักสู้ ม.3 ” จนได้ยืนอยู่อย่างสง่าผ่าเผยในสังคม
แม้ในวันที่คุณตันขายหุ้นใหญ่ของบริษัท โออิชิ กรุ๊ป จำกัด ( มหาชน ) ให้กับบริษัทไทยเบฟเวอร์เรจ จำกัด ของคุณเจริญ สิริวัฒนภักดี เมื่อวันที่ 30 กันยายน 2551 ก่อนจะลาออกตำแหน่งกรรมการผู้จัดการบริษัท มาตั้งบริษัทใหม่ คือ บรืษัท ไม่ตัน จำกัด เมื่อวันที่ 9 กันยายน 2553 ภาพความเป็น “ไอดอล” ของคุณตันก็ไม่ได้จางลง ซ้ำยังกลับโดดเด่นขึ้นมามากกว่าเดิม
เมื่อเขาได้ก่อตั้งมูลนิธิ ตันปัน เพื่อเป็น “ศูนย์กลางการแบ่งปันด้านการศึกษาและสิ่งแวดล้อม” พร้อมประกาศเจตนารมณ์ว่า เขาและภรรยาจะแบ่งกำไรของบริษัทที่ตั้งใหม่ 50 % มอบแก่มูลนิธิเป็นประจำทุกปี ไปจนกว่าเขาจะอายุ 60 ปี และหลังจากนั้น ส่วนแบ่งที่จะมอบให้มูลนิธิ จะเพิ่มเป็นมากกว่า 90 %
คุณตันบอกว่า บริษัท ไม่ตัน จำกัด ที่ปัจจุบันประกอบธุรกิจเครื่องดื่มชาเขียว อิชิตัน นั้น ประกอบการเพื่อ “ภารกิจ” มากกว่า “ธุรกิจ” ภารกิจที่ว่าคือ การจัดสรรค์เงินปันผลกำไรไปช่วยเหลือด้านการศึกษาของเด็กที่ขาดแคลนโอกาส เหมือนที่คุณตันเคยขาดแคลน รวมถึงส่งเสริมสนับสนุนด้านการพัฒนาสิ่งแวดล้อม
ผมเชื่อว่า ในสังคมเรา มีหลายคนที่เป็น “นักสู้ ม.3” เช่นเดียวกับคุณตัน คือ มีพื้นฐานการศึกษาที่ไม่สูงนัก แต่ใช้ความมานะพากเพียร ต่อสู้ดิ้นรนจนประสบความสำเร็จในชีวิต แต่สิ่งที่คุณตันมีพิเศษกว่านั้น คือ เมื่อเขาประสบความสำเร็จแล้ว ก็ไม่ลืมที่จะมองย้อนไปยังคนที่ยังขาดแคลน และหยิบยื่นแบ่งปันโอกาสให้พวกเขาเหล่านั้น จึงนับได้ว่า ผู้ชายคนนี้สมควรได้รับการชื่นชมเป็นบุคคลต้นแบบของสังคมอีกคนหนึ่ง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น