ตำนานรัก ( เจ้าพ่อ) ชาเขียว เปิดฉากขึ้นในราวปี 2530 ในงานฉลองวันคล้ายวันเกิดของกำนันท่านหนึ่งในอำเภอบ่อทอง จ.ชลบุรี เมื่อ ตัน ภาสกรนที นักธุรกิจหนุ่มวัย 28 ปี ได้พบกับ สุณิสา สุขพันธ์ถาวร หรือ “อิง” ลูกสาวกำนันวัย 17 ปี ความถูกชะตาในคราแรกพบ ทำให้ตันมอบนามบัตรของตนให้เธอ ซึ่งอิงก็รับไว้ แต่ทั้งคู่ก็ไม่ได้คิดว่าเป็นการแลกเปลี่ยนทางธุรกิจแต่อย่างใด
เกือบหนึ่งปีต่อมา อิงและพี่สาวเข้าไปซื้อของในตัวเมืองชลบุรี ซึ่งห่างจากบ้านราว 80 กิโลเมตร ทั้งคู่ช้อปปิ้งเพลินตามประสาสาวๆจนเงินหมด แต่พี่สาวยังอยากได้เสื้ออีกตัวหนึ่ง อิงค้นดูเงินในกระเป๋าสตางค์ พบว่าเงินไม่พอ จะกลับไปเอาเงินที่บ้านก็ไกลเกิน แต่ค้นเจอนามบัตรของตัน อะไรบางอย่างทำให้อิงตัดสินใจโทรไปขอยืมเงินตัน 1000 บาทมาซื้อเสื้อให้พี่สาว ซึ่งแม้ตันจะงงๆเล็กน้อยในตอนแรก แต่ก็ไม่ปฏิเสธ ด้วยคิดว่า “เค้ากล้ายืม เราก็กล้าให้ ดีซะอีก ต่อไปเธอเป็นลูกหนี้เราแล้ว จะได้มีช่องทางติดต่อ คุยกันได้มากขึ้น อิอิ”
และหลังจากนั้น ทั้งคู่ก็ได้คุยกันมากขึ้นจริงๆ แม้ว่าฝ่ายหญิงจะเป็นคนพูดน้อย ตรงข้ามกับฝ่ายชายที่ช่างเจรจา แต่ทั้งคู่ก็เข้ากันได้ดี จนกระทั่งอิงเข้าเรียนมหาวิทยาลัย ตันจึงได้เริ่มต้นจีบเธออย่างจริงจัง ถึงขนาดขับรถจากชลบุรี มารับสาวเจ้าซึ่งเรียนที่มหาวิทยาลัยกรุงเทพ รังสิต จนรถพังไป 2-3 คัน เพราะเหตุที่ต้องขับฝ่าถนนที่ยังก่อสร้างไม่เสร็จ และต้องรีบห้อตะบึงเต็มที่เพื่อไปรับฝ่ายหญิงให้ทันสี่โมงเย็น ( เพราะกลัวหนุ่มอื่นมาขายขนมจีบตัดหน้า ^^) แม้ว่าเมื่อรับกลับมาแล้วจะมีเวลากินข้าวด้วยกันแค่ 15 นาทีก็ต้องรีบพาอิงไปส่ง เพราะพี่ชายของเธอดุมาก แต่นั่นก็คือความสุขอย่างหนึ่งของทั้งคู่
เส้นทางที่ตันขับรถจากชลบุรีไปรับอิงที่รังสิตในตอนนั้นว่าขรุขระไม่ราบเรียบแล้ว แต่เส้นทางชีวิตรักของทั้งสองกลับมีอุปสรรคมากยิ่งกว่า ในตอนนั้นตันเป็นนักธุรกิจตัวเล็กๆ และด้วยเหตุผลที่อายุมากกว่าอิงถึง 11 ปี ทำให้ถูกกีดกันจากพ่อแม่ฝ่ายหญิง ว่ากันว่า ครั้งหนึ่งคุณตันรวบรวมความกล้า เข้าไปพบพ่อกำนัน เพื่อเจรจาขอลูกสาว แต่สิ่งที่ได้รับกลับมาคือ กองทัพหมัดที่ระดมใส่มาไม่ยั้ง จนคุณแม่ของอิงต้องรีบมาห้าม ก่อนจะหามไปโรงพยาบาล
ตันเจ็บตัว ก็ใช่ว่าจะเรียกคะแนนจากว่าที่พ่อตาแม่ยายในขณะนั้นได้ กลายเป็นว่าทำให้สถานการณ์แย่ลงกว่าเดิม เมื่อพ่อแม่ของอิงสั่งห้ามติดต่อกันอีกเด็ดขาด ถึงขนาดตัดสายโทรศัพท์ สั่งให้อิงกลับมาทำงานที่บ้านเพื่อให้อยู่ในสายตา แต่ถึงกระนั้นก็ใช่ว่าจะขัดขวางหัวใจรักของทั้งคู่ได้
จนกระทั่งพ่อของอิงเสียชีวิต คุณแม่ก็ยังคงสานต่อเจตนารมณ์ในการกีดกันความสัมพันธ์ของหนุ่มสาวคู่นี้ต่อมาอีกระยะหนึ่ง แต่แล้วก็ถึงจุดหักเห เมื่อคุณแม่ประสบอุบัติเหตุต้องนอนโรงพยาบาล แล้วเกิดฉุกคิดมาได้ว่า ถ้าตนเองเป็นอะไรไปจะมีใครดูแลลูกสาว และในใจจริงของคุณแม่เองก็ยอมรับถึงความรักอันมั่นคงที่หนุ่มตันมีต่อลูกสาว เลยเริ่มเปิดใจยอมรับได้ ว่า “ชาติที่แล้วสองคนนี้คงเป็นคู่กันมา ชาตินี้เลยต้องครองคู่กันต่อ ห้ามไม่ได้ ”
ทว่าเมื่อแม่ของฝ่ายสาว “ไฟเขียว” ให้แต่งงานกันได้แล้ว ตันกลับเป็นฝ่ายขอเลื่อนการแต่งงาน เนื่องจากขณะนั้นเขากลายเป้นบุคคลล้มละลาย ประสบภาวะเป็นหนี้สินจากการทำธุรกิจกว่า 100 ล้านบาท จึงไม่อยากให้คนรักต้องมาพลอยแบกรับภาระนั้นไปด้วย
แต่ด้วยหัวใจรักที่งดงาม อิงไม่ได้มองว่าการเป็นคนล้มละลายของรักจะเป็นอุปสรรคต่อความรักของเธอและเขา อิงเข้ามาอยู่เคียงข้างตัน เริ่มต้นสร้างธุรกิจที่เริ่มจากศูนย์ร่วมกัน คือร้านถ่ายรูปแต่งงาน เพื่อหวังช่วยคนรักล้างหนี้ ตันเล่าว่า อิงยอมเหนื่อยช่วยเหลือทุกอย่าง แม้แต่การยืนแจกใบปลิว หรือติดต่อลูกค้า ซึ่งตันไม่คิดว่าเธอจะทำได้ แต่เธอก็พิสูจน์ให้เขาเห็นว่าเธอทำได้
ใช้เวลากว่า 11 ปี กว่าที่ทั้งสองจะได้แต่งงานกัน จนถึงทุกวันนี้ เรื่องราวความรักแท้จริงระหว่างอิงกับตัน กลายเป็นอีกหนึ่งฉากความรักหอมหวานที่หลายคนคงต้องแอบอิจฉา ( รวมถึงผู้เขียนด้วย อิอิ ) ซึ่งหากมองย้อนกลับไปให้ดีๆแล้ว นอกจากรากฐานความรักที่มั่นคงจากการเคยร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมาแล้ว การดูแลรักษาความรักอย่างสม่ำเสมอก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้รักนั้นยั่งยืนได้
ด้วยความที่คุณตันเป็นผู้ใหญ่กว่า และเข้าใจโลกแห่งความรักและการใช้ชีวิตคู่เป็นอย่างดี เขาจึงมอบความรักและการเอาใจใส่ภรรยาสุดที่รักอย่างเสมอต้นเสมอปลาย คุณอิงก็ยอมรับถึงความประทับใจที่มีในข้อนี้ของคุณตัน ว่า ชีวิตเธอมีคุณตันเป็นคู่ชีวิต นับว่าโชคดีเหมือนถูกล็อตเตอรี่ทุกงวด และทั้งคู่ก็เคยพูดแซวกันเสมอว่า ติดตามเป็นคู่ชีวิตกันมาตั้งแต่ชาติที่แล้วจนถึงชาตินี้ และจะตามต่อไปถึงชาติหน้าด้วย
( ขอบคุณภาพจาก ไทยรัฐออนไลน์ )
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น